Read in English / 阅读语言 English 简体中文
AI ทำนายเทรนด์ศิลปะ
AI ศิลปะทำนาย! ผมได้ให้โจทย์กับ ChatGPT 4 ไปว่า ศิลปะในอีก 100 ปีจะเป็นอย่างไร? ให้อธิบายและสร้างผลงานศิลปะเหล่านั้นออกมาพร้อมตั้งชื่อและคำบรรยาย ซึ่งผมก็ได้ comment ไว้ด้วยทุกข้อ มีอะไรบ้างไปชมกันได้เลยครับ
ศิลปะหลอมรวมเข้ากับเทคโนโลยี:
ผลงานศิลปะในอนาคตจะผสมผสานเทคโนโลยีมากขึ้น จากความก้าวหน้าอันรวดเร็วโดยเฉพาะ AI ซึ่งนั่นหมายถึงการใช้เทคโนโลยีโลกเสมือน (Virtual Reality : VR) และ การเสริมความจริงด้วย Augmented Reality ซึ่งมันจะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆในโลกศิลปะ และ โลกจะได้เห็นศิลปะที่สร้างโดย AI ในแขนงต่างๆทั้ง ภาพวาด ดนตรี วรรณกรรม และ อื่นๆ
(เต้ Art Man: อันนี้ชัดเจน เพราะเราพอจะเห็นภาพจากความก้าวหน้าของ AI ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ซึ่งต้องบอกว่าการพัฒนา AI เพื่อสร้างงานศิลปะนั้นมีมานานหลายปีแล้ว แต่การเติบโตของ AI เป็นอะไรที่ก้าวกระโดดแบบทวีคูณ ในตอนนี้เราจึงได้เห็นการใช้งาน AI กับ ศิลปะที่ได้รับความนิยมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น)
ผลงาน“Digtal Harmony”
คำอธิบาย: “ผลงานนี้แสดงถึงการรวมพลังระหว่างเทคโนโลทางดิจิทัลและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ สีสันสดใสสื่อถึงความซับซ้อน และ การเชื่อมถึงกันในโลกดิจิทัล รูปทรงที่อยู่ตรงกลางสื่ออารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ในพื้นที่ของโลกดิจิทัลแห่งนี้”
ศิลปะอวกาศ:
เมื่อการสำรวจอวกาศมีความก้าวหน้ามากขึ้น จะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆในการสร้างผลงานศิลปะ ทั้งในเรื่องของแนวคิดและเทคนิคการสร้างงาน โดยการออกไปสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากนอกโลกก็สามารถเป็นไปได้
(เต้ Art Man: เทรนด์นี้เป็นไปได้เนื่องจากตอนนี้ Elon Musk, Jeff Koons และ Yusaku Maezawa ผู้ที่สร้างสถิติการประมูลงานของ Basquiat กำลังร่วมมือกันส่งงานศิลปะจากโลกไปแสดงที่ดวงจันทร์)
ผลงาน “Cosmic Confluence”
คำอธิบาย: “ผลงานนี้สื่อถึงภาพของ กาแล็กซี่ เนบิวล่า (กลุ่มก๊าซและฝุ่นในอวกาศ) และ รูปร่างของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง เพื่อสะท้อนถึงการประสานพลังของวัฒนธรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่งสามารถพามนุษย์ออกไปค้นหาอวกาศ สร้างความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดในโลกแห่งศิลปะ”
ศิลปะที่เปลี่ยนตัวเองได้ตามรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคน:
ในอนาคตเราสามารเราเราอาจจะเจอกับศิลปะที่สามารถเปลี่ยนรูปร่าง หน้าตาไปตามรสนิยมของผู้ชมได้ ซึ่งผู้ชมอาจจะมีอิทธิพลต่อรูปแบบผลงานเหล่านี้ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆกับผลงาน
(เต้ Art Man: กรณีนี้เป็นไปได้จากการเก็บข้อมูลและนำมาประมวลผลออกมาในแบบที่ AI คาดการณ์ว่าน่าจะถูกใจผู้ชมแต่คน และ อาจนำ Feedback ที่ผู้ชมมีต่อตัวงานมาพัฒนารูปแบบผลงานต่อไปโดยใช้ Algorithm แบบ Reinforce Learning)
ผลงาน: “Visual Symphony”
คำอธิบาย: “ผลงาน VDO ที่จะปรับแปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้ชมตลอดเวลา ที่แต่ละองค์ประกอบในงานศิลปะจะเคลื่อนไหวสอดคล้องกลมกลืนกันเพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมให้กับผู้ชมแต่ละคนที่แตกต่างกัน”
(เต้ Art Man: เทรนนี้ อัลกอรึทึม Reinforce Learning ต้องมา ในกรณีที่เป็น VDO Art อาจจะต้องใส่อุปกรณ์บ้างอย่างเช่นแว่น VR เพื่อเก็บข้อมูล สีหน้าท่าทางของเรา หรือ การเคลื่อนไหวของสายตาขณะที่เรากำลังชม หรือ อาจรวมไปถึง ประวัติการฟังเพลง ดูคลิป และ ข้อมูลอื่นใน Digital Footprint ของเรา(น่ากลัวเหมือนกันนะ) จากนั้นตัว VDO ก็จะปรับให้ตรงกับจริตที่เราชอบ ในกรณีของงานประติมากรรมอาจเปลี่ยนรูปทรงได้เอง โดยคำนวณจากการสัมผัสของเราเช่นแรงกด พื้นที่สัมผัส หรือ เวลาที่เราใช้กับมันเป็นต้น )
ศิลปะร่วมด้วยช่วยกัน:
เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และ อินเตอร์เน็ท(ที่ความเร็วสูงขึ้นมากๆ) คนจากทุกมุมโลกจะสามารถช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเดียวกันได้โดยที่ไม่ต้องเจอหน้ากันในโลกแห่งความจริง
(เต้ Art Man: ผมว่ากรณีนี้เริ่มเห็นได้ในโลก Crypto Art และ NFT ที่แต่ละคนขอแค่ถูกใจในความคิดกันก็มาร่วมงานสร้างสรรค์อะไรกันได้โดยที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย นอกจากนี้หากสวมแว่น VR แล้วเข้าสู่ platform อะไรสักอย่างที่รองรับการทำงานหลายๆคน การช่วยกันปั้น Model หรือ วาดภาพแบบ Real Time ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องไกลเกินจริง ทำเสร็จออกมาสั่ง Print 3D แค่นี้ศิลปะก็สามารถกระจายสู่ทุกครัวเรือน ซึ่งทีมงานศิลปินแต่ละคนและนักสะสมอาจจะอยู่กันคนละมุมโลก ตืนนอนกันคนละเวลาเลยก็ได้)
ผลงาน “Installation of Interactivity”
คำอธิบาย: “ศิลปะจัดวางแห่งอนาคตที่แต่ละองค์ประกอบจะเปิดโอกาสให้ผู้คนมาสามารถร่วมกันออกแบบจัดวางได้ โดยเน้นประสบการณ์การทำงานร่วมกันเป็นหลัก ภาพ และ วัตถุต่างๆในผลงานนี้สามารถเปลี่ยน หรือ ขยับได้จากการควบคุมระยะไกล”
ศิลปะเคลื่อนไหวทางสังคม:
ศิลปะจะถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกในการประท้วงและการเคลื่อนไหวทางสังคมมากขึ้น เพื่อเพิ่มการตระหนักรู้ในข้อเรียกร้องต่างๆ อาทิ การเมือง และ สิ่งแวดล้อม ซึ่งในอนาคตจะเห็นศิลปะลักษณะนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
(เต้ Art Man: แนวคิดนี้มีมานานแล้ว และเริ่มเห็นได้ชัดขึ้น จากการมีส่วนร่วมทางกิจกรรมต่างๆของศิลปินเองที่เข้าไปร่วมกับ movement ต่างๆในสังคม ในประวัติศาสตร์ผลงานศิลปะหลายชิ้นก็ถูกหยิบยกมาเป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหว อย่างเช่นกรณีภาพของ Frida Kahlo ในเคลื่อนไหวของกลุ่ม Queer หรือล่าสุด Sticker หน้าพระอาทิตย์ที่ออกมาสร้างแรงกระเพื่อมในระบบไถส่วยของบางประเทศ)
ผลงาน: “Installation of Inclusivity”
คำอธิบาย: “ศิลปะจัดวางเชิงสัญลักษณ์ที่เป็นเสมือนพื้นที่ของคนทุกคนที่จะสามารถแสดงออกและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆในสังคม ความเห็นของแต่ละคนจะถูกหลอมรวมในโครงสร้างแห่งอนาคต ซึ่งศิลปะจะสนับสนุนให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาต่างๆในสังคมมากขึ้น”
ศิลปะแห่งความยั่งยืน:
กระแสของโลกที่กำลังใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราจะได้เห็นผลงานศิลปะที่ใช้วัสดุรีไซเคิล และ กระบวนการสร้างงานที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ศิลปินจะเริ่มตระหนักในวัสดุที่ตัวเองใช้สร้างผลงานมากยิ่งขึ้น
(เต้ Art Man: อันนี้ผมว่าเป็นแนวคิดแบบ Global Scale เลยนะ มันได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆไม่เฉพาะในโลกศิลปะเท่านั้น แต่แม้กระทั่งในภาคธุรกิจที่มีการคำนึงถึงการใช้วัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อม และ การพัฒนาการผลิตสู่ความยั่งยืนในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งยังเป็นวัฒนธรรมทางความคิดของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในความ Eco Friendly มากยิ่งขึ้น)
ผลงาน “Sculpture of Synthesis”
คำอธิบาย: “ประติมากรรมนี้เป็นการรวมตัวของ AI ศิลปะ และความยั่งยืน โดยสร้างจากทำจากวัสดุที่สามารถนำมาใช้ใหม่ และ ออกแบบโดย AI เพื่อสื่อถึงอนาคตที่ศิลปะและเทคโนโลยีสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลกับสิ่งแวดล้อม”
ศิลปะจะเป็นอิสระ ทลายข้อจำกัดทางวัฒนธรรม:
ศิลปินจะมีอิสระทางความคิดมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ได้ยึดติดว่าตัวเองเป็นคนประเทศอะไร ภูมิภาคใด แล้วจึงต้องสร้างงานแบบไหน อีกทั้งศิลปินชายขอบ และ ศิลปินที่ไม่ค่อยได้ความสนใจจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มุมมองและเทคนิคการสร้างงานใหม่ๆเกิดขึ้นในโลกศิลปะ
(เต้ Art Man: อันนี้ฟังดูคล้ายๆแนวคิดของ Venice Biennale 2024 ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อวันก่อนเลย เป็นความบังเอิญที่น่าสนใจมาก)
ผลงาน “LGBT+ Aesthetic”
คำอธิบาย: “ผลงานนี้สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวทางสังคมของ LGBT+ สีสันสดใสและรูปทรงแสดงถึงการหลอมรวมทางสังคมที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและความสุข รวมถึงอิสระในการใช้ชีวิต”
ศิลปะเชิงประสบการณ์:
ศิลปะจากตาดู หูฟัง จะเปลี่ยนเป็นศิลปะที่ผู้ชมจะเข้ามามีประสบการณ์ร่วมได้มากขึ่้น ไม่ว่าจะรูปแบบของ Immersive Art ที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัว หรือ การใช้เทคโนโลยีโลกเสมือนเข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์แปลกใหม่รอบด้าน
(เต้ Art Man: อันนี้ไม่ต้องอีก 100 ปี แนวคิดเรื่อง Immersive Art สร้างประสบการณ์ในการเสพย์ศิลปะแบบ 360 องศา เป็นอะไรที่เริ่มนิยมกันมาได้สักเกิน 10 ปีแล้ว และ กระแสน่าจะไปต่อได้ดี มีงานแสดงแนวนี้เกิดขึ้นในประเทศต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ )
ผลงาน “Vivid Vision”
คำอธิบาย: “ผลงานศิลปะนี้เป็นการติดตั้งสีและรูปร่างเส้นสาย สร้างสภาพแวดล้อมที่ลึกลับและคล้ายคลึงกับฝันในเครือช่ายประสาทเทียม เพื่อสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนไหว และตอบสนองต่อประสบการณ์รอบตัวของผู้ชมงานทั้งภาพ กลิ่น เสียง และ ความรู้สึก”
ศิลปะเชิงประเพณีและการอนุรักษ์ศิลปะ:
เนื่องจากจะมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และ แนวคิดสมัยใหม่ สังคมจะก่อตัวแล้วเกิดความเคลื่อนไหวที่ต้องการให้อนุรักษ์รักษาศิลปะดั้งเดิมมากยิ่งขึ้น
(เต้ Art Man: ส่วนตัวผมชอบที่ AI ยกแนวคิดนี้ขึ้นมาก เพราะจากประวัติศาสตร์ เมื่อมีความก้าวหน้าอะไรใหม่ๆเกิดขึ้น ความโหยหา และ การอนุรักษ์รักษาของเก่าก็จะเกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องทีดีเพราะ จะทำให้คนมองเห็นวิวัฒนาการและมีโอกาสศึกษาข้อมูลต่างๆได้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป)
ผลงาน “Abstract Ascendancy”
คำอธิบาย”ผลงานประติมากรรมที่พยามจะพัฒนาตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัล พื้นผิวของมันทำจากโหละมันวาว (ในรูปดูไม่เงาเลยนะ 555) เพื่อสื่อถึงอนาคตข้างหน้าที่รออยู่ แต่รูปทรงกลับสะท้อนถึงความเก่าแก่และคลาสสิค ที่จะคอยย้ำเตือนว่าในยุคของโลกดิจิทัล มนุษย์ไม่ควรลืมที่จะโอบกอดต้นเนิดของสิ่งต่างๆที่เก่าแก่ดั้งเดิม”
ทั้งหมดนั้นก็เป็น 9 เทรนด์แห่งศิลปะ ที่ AI ได้ทำนายมา และ ผลงานศิลปะทั้งหมดนี้ สร้างใน ChatGPT4 (ใช้ Plug-in ที่ขื่อว่า Argil ซึ่งมีโมเดลเบื้องหลังคือ Dall-E ของบริษัท OpenAI ที่สร้าง Chat GPT นั่นเอง
แล้วคุณคิดยังไงกับ AI ศิลปะทำนายครั้งนี้ คุณคิดว่าอีก 100 ปี เทรนด์แห่งศิลปะจะเป็นอย่างไรกันบ้าง?
ผลงาน “Dimensional Warp”
“ผลงานนี้สื่อถึงกาลเวลาผ่านที่ไปพร้อมกับความหลากหลายที่ผสมผสานกันระหว่าง AI ศิลปะ และ เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่หาทางอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว โดยมีนาฬิกาทรายเป็นสัญลักษณ์”