Read in English / 阅读语言 English 简体中文
ภาพ “Christ Mocked” ของ ชีมาบูเอ (Cimabue) ถูกพบเจอที่บ้านของหญิงชราชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งที่กำลังจะย้ายบ้าน ตลอดเวลาที่ภาพนี้แขวนอยู่ในครัว เธอไม่ทราบเลยว่า มันเป็นภาพของหนึ่งในยอดฝีมือตลอดกาลแห่งอิตาลี
การค้นพบ
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ภาพนี้ถูกประมูลไปในราคาสูงลิ่วถึงราวๆ 810 ล้านบาท ถือเป็นสถิติการประมูลสูงสุดของภาพสมัยยุคกลาง(ช่วงราวๆปี พ.ศ. 1000 – 2,000)ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์พระจันทร์สีน้ำเงิน(นานๆเกิดที)ของวงการศิลปะโลก เนื่องจากว่าภาพของ Cimabue ที่สร้างขึ้นในช่วงราวๆปลายศตวรรษที่ 13 นั้น หลงเหลือมาถึงปัจจุบันน้อยมากๆ ดังนั้นการประมูลภาพนี้ บอกไม่ได้เลยว่า ประมูลไปถูก หรือ แพง เพราะภาพของศิลปินที่หากยากมากๆ มักไม่มีราคาอ้างอิงเปรียบเทียบในอดีต (และคาดว่าในอนาคตก็เช่นกัน) โดยราคาประเมินก่อนประมูลของภาพนี้อยู่ที่ 4-6 ล้านยูโร หรือราวๆ 135-202 ล้านบาท แต่เมื่อเคาะราคาจริงๆ ไปจบที่ 24 ล้านยูโร หรือ ราวๆ 810 ล้านบาท… มากกว่าราคาประเมิน 5-6 เท่า
ว่าแต่ ชีมาบูเอ คือ ใคร?
ชีมาบูเอ จริงๆแล้วเป็นคำที่แปลได้ว่า “หัวกระทิง” อันเป็นฉายาของศิลปินผู้มีความดุดัน เชนนี ดิ เป็บโป (Cenni di Pepo) เขาเกิด ในปี พ.ศ. 1783 ที่เมืองฟลอเรนซ์ และ ซึมซับสไตล์การสร้างศิลปะของเมืองนี้มาอย่างเข้มข้น (Florentine School) โดยเขาเป็นศิลปินคนแรกๆที่ฉีกขนบการสร้างงานศิลปะแบบไบเซ็นไทน์(Byzantine) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยนั้น ชีมาบูเอ ได้เริ่มลองเขียนภาพโดยใช้หลัก Perspective ทำให้ภาพดูมีมิติ ตื้น-ลึก ใกล้-ไกล มากขึ้น รวมถึงการเขียนกายวิภาคสัดส่วนของตัวแบบให้เหมือนจริง โดยบิดาแห่งประวัติศาสตร์ศิลป์ Giorgio Vasari (จอร์โจ วาซารี) แห่งยุค Renaissance ได้บันทึกไว้ว่า ชีมาบูเอ นั้นเป็นครูของศิลปินเอกแห่งศตวรรษที่ 14 Giotto di Bondone (จ๊อตโต ดิ บงโดเน) ซึ่งเป็นต้นแบบทางความคิดของศิลปิน ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) ยุคหลังๆ อย่างเช่น Michelangelo (มิเกลอันเจลโล) หรือ Leonardo da Vinci (เลโอนาร์โด ดา วินซี) จากบันทึกของ Vasari ได้กล่าวถึงศิลปินฉายาหัวกระทิงดุคนนี้ไว้ว่า เขาเป็นที่รักความสมบูรณ์แบบมากๆ เมื่อพบจุดผิดพลาดตรงไหนของผลงาน Cimabue จะทำลายผลงานนั้นทิ้งทันที โดยไม่สนว่ามันจะมีมูลค่าเท่าใด หรือ ลงแรงกายแรงใจไปเท่าไหรแล้ว
หนึ่งในชุดภาพที่สาบสูญ
สำหรับภาพ “Chirst Mocked” นั้น มีขนาด 25.8 x 20.3 ซม. วาดขึ้นในปี พ.ศ. 1823 โดยภาพนี้เป็นฉากเหตุการณ์ขณะที่ “พระเยซูถูกเย้ยหยัน” ใน คัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพชุด “Diptych of Devotion” ทีนำเสนอเรื่องราวต่างๆในไบเบิลในรูปแบบภาพสองกรอบ กรอบหนึ่งประกอบไปด้วย 4 ภาพ โดยปัจจุบันมีการค้นพบเพียง 3 จาก 8 ภาพ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกรอบแรก เริ่มจากตำแหน่งภาพซ้ายบนสุดจากแผนผัง คือภาพ “Virgin and Child with Two Angels”(พระแม่มารีและพระบุตรและเทวดาสององค์) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ National Gallery, London (พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงลอนดอน) ส่วนในตำแหน่งขวาล่างนั้นคือภาพ “The Flagellation of Christ” (พระเยซูถูกเฆี่ยน) อยู่ที่ Frick Collection, New York (พิพิธภัณฑ์ฟริกส์ ที่ เมืองนิวยอร์ก) และ ภาพสุดท้าย ในตำแหน่งซ้ายล่างนั้นเป็นภาพ “Christ Mocked” ภาพนี้…นี่เอง
ฝรั่งเศสสั่งกักภาพไปวางคู่ที่ลูฟร์
หลังจบการประมูลไปเมื่อเดือน ตุลาคม พ.ศ 2562 ที่ผ่านมา เรื่องราวของภาพนี้ดูเหมือนจะจบลง และ ผลงานระดับตำนานชิ้นนี้เตรียมส่งไปให้ผู้ชนะการประมูลที่ลือกันว่าเป็นนักสะสมชาวชิลี อาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเชี่ยวชาญการสะสมงานอิตาลียุคกลางมากๆ แต่ทว่าสองเดือนต่อมา ปลายเดือน ธันวาคม ทาง กระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ประกาศว่าจะขอกักภาพไว้ในประเทศ 30 เดือน เพื่อเตรียมระดมทุนซื้อภาพนี้ให้เป็นสมบัติของชาติ และจะเอาไปจัดแสดงร่วมกับภาพ “Maestà” ของ ชีมาบูเอ ที่พิพิธภัณฑ์ ลูฟร์ (Louvre)
สุดท้ายเรื่องนี้จะ (ชีมาบู) เอวังยังไง? จะได้อยู่ฝรั่งเศสต่อหรือไม่? ต้องจับตาดูกันต่อไป
Source
- https://www.artnews.com/art-news/news/france-blocks-export-cimabue-christ-mocked-1202673798
- https://www.bbc.com/news/world-europe-50901497