Pierre Bonnard ปิแอร์ บอนนาร์: จิตรกรผู้วาดแสงของความทรงจำ ท่ามกลางสายลมนอร์มังดี

Read in English / 阅读语言 English 简体中文

Self Portrait, 1904 (Pierre Bonnard)

Pierre Bonnard (ปิแอร์ บอนนาร์)จัดได้ว่าเป็นศิลปินผู้ร่วมเขียนปฐมบทศิลปะสมัยใหม่ของฝรั่งเศส และ ได้ฝังความทรงจำไว้กับ แสง สี และผ้าใบ เรื่องราวที่อยู่ในผลงานของเขานั้นเป็นเอกลักษณ์ที่มีคุณค่าแห่งศิลปะทำให้ยังมีผู้คนยังติดตามผลงานของเขามาจนถึงทุกวันนี้

ผลงาน Lane at Vernonnet, 1912 – 1914

Pierre Bonnard จากนักกฏหมายสู่กลุ่มศิลปินใต้ดิน Les Nabis

Pierre Bonnard เกิดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1867 ณ เมืองฟงเตอเน-โอ-โรส (Fontenay-aux-Roses) ในครอบครัวชนชั้นกลางที่มั่นคง บิดาของเขาเป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส ครอบครัวจึงมุ่งหวังให้เขาเป็นนักกฎหมาย Bonnard เรียนจบปริญญาด้านกฎหมายในปี 1888 แต่ในระหว่างที่ศึกษานั้น เขากลับแอบเข้าเรียนศิลปะในยามค่ำคืนที่ École des Beaux-Arts และ Académie Julian ซึ่งที่นั่นเขาได้พบกับ Maurice Denis, Paul Sérusier และ Édouard Vuillard และต่อมากลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มศิลปินแนวหน้าแห่งยุคที่เรียกว่า Les Nabis

Pierre Bonnard
ผลงาน The Terrace at Vernonnet, 1939

คำว่า “Nabi” มาจากภาษาฮีบรู แปลว่า “ศาสดาพยากรณ์” กลุ่ม Les Nabis ก่อตั้งขึ้นราวปี 1888–1900 และเป็นเหมือนพลังใต้ดินทางศิลปะในยุคเปลี่ยนผ่านของฝรั่งเศส สมาชิกในกลุ่มยึดถืออุดมการณ์ในการสร้างผลงานที่ใช้พื้นฐานของ Paul Gauguin และ Paul Cézanne เป็นแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการลดทอนรูปทรง การใช้สีจัดจ้าน ฝีแปรงที่กล้าแสดงออก หรือการแฝงนัยเชิงสัญลักษณ์ในภาพ แม้กลุ่มจะมีอายุไม่นานนัก แต่ก็ถือเป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างอิทธิพลของ Impressionism, Post-Impressionism และ Symbolism

Bonnard เป็นคนที่มีความเป็น Perfectionist สูงมากๆๆๆๆ กล่าวกันว่าเขาแทบไม่เคยพอใจในผลงานตัวเองเลย เวลาขายภาพให้ใครไปแล้ว มักจะไปเยี่ยมตามบ้านผู้ซื้อ และ แอบเอาสีไปแก้งานอยู่เสมอๆ (เคยถึงขั้นเอาสีไปเติมภาพตัวเองที่แขวนอยุ่ระหว่างจัดแสดงงาน) 

ผลงาน Tōkaidō Hodogaya ของ Hokusai

หลงใหลในศิลปะญี่ปุ่นแบบฝรั่งเศส?

นอกจากนี้เขายังได้รับได้รับฉายาอย่างขบขันว่า Le Nabi le très japonard หรือ “ผู้คลั่งไคล้ญี่ปุ่นประจำกลุ่ม Nabis” เนื่องจากเขาหลงใหลในศิลปะญี่ปุ่น โดยเฉพาะภาพพิมพ์ของ Katsushika Hokusai และ Ando Hiroshige  อย่างลึกซึ้ง ถึงขั้นประดิษฐ์คำว่า japonard ขึ้นมาเองจากคำว่า Japon (ญี่ปุ่นในภาษาฝรั่งเศส) ผสมกับนามสกุล Bonnard ซึ่งอิทธิพลของศิลปะญี่ปุ่นนี้สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนในผลงานช่วงต้นของเขาที่มีโครงสร้างภาพแบบแบนราบ มุมมองที่กล้าท้าทาย และการวางองค์ประกอบที่แปลกตา(ถ้าเป็นผมเองก็คงเรียกว่า japontae…เท่ไม่เบา)

ผลงาน Terrasse à Vernon (1923)

ซึ่งความรักในศิลปะญี่ปุ่นของ Bonnard ถูกถ่ายทอดออกมาในชุดผลงาน Terrasse (Terrace) ถ้าใครชื่นชอบงาน Ukiyo-e และ เป็นสาวกภาพพิมพ์ของ Hokusai เวลาดูภาพ Landscape ของ Bonnard คุณจะเห็นการวางองค์ประกอบภาพในสไตล์ชุดภาพ 36 วิวของภูเขาไฟฟูจิของ Hokusai มันเป็นการวางองค์ประกอบที่เต็มไปด้วยความสนุก และ ท้าทายผู้ชมให้พิจารณาถึงความสัมพันธ์ของส่วนประกอบต่างๆภายในภาพ Terrasse à Vernon (1923) เป็นภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งของ Bonnard ภาพนี้ถูกประมูลไปเมื่อปี ค.ศ. 2011 ในราคาราวๆ 7.2 ล้านปอนด์ หรือ 270 ล้านบาท Bonnard วาดภาพนี้ขึ้นที่ Ma Roulotte บ้านของเขาในหมู่บ้าน Vernonnet ริมฝั่งแม่น้ำแซนในแคว้นนอร์มังดี ซึ่งบ้านของเขานั้นอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน Giverny ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านและสวนในตำนานของ Monet จึงทำให้ทั้งสองเป็นเพื่อนบ้านกัน และ มักจัดปาร์ตี้สังสรรค์รวมตัวเหล่าศิลปินไปสนทนาฮาเฮกันอยู่เสมอๆ

ในบรรยากาศสายลมและแสงแดด มีวิวแม่น้ำอยู่ไกลๆ ในภาพนี้หญิงสาวที่กำลังนั่งซึมซับบรรยากาศอยู่นั่นกลับถูกวางองค์ประกอบอยู่มุมขวาอย่างตั้งใจและหันหน้ามามองผู้ชม ในขณะที่จุดนำสายตาเมื่อแว๊บแรกที่เห็นภาพนี้นั้นคือพื้นดินสีส้มๆกลาง และ โครงสร้างที่คล้ายๆกับโครงหลังคาเก่าที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งแน่นอนว่า เจตนาของ Bonnard ในภาพนี้ต้องการจะหลีกจุดกลาง(Off Center) เพื่อให้ผู้ชมได้ลองค้นหารายละเอียดอื่นๆของภาพ ซึ่งหากมองตามเส้นเฉียงไป มันจะไปส่งเราตรงวิวที่อยู่ไกลออกไปด้านหลัง และ สังเกตว่าเราจะต้องมองผ่านช่องระหว่างต้นไม้สองต้นออกไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียกว่า หน้าต่าง เป็นเทคนิคการวางองค์ประกอบที่ Hokusai ใช้อยู่บ่อยครั้งในชุดภาพภูเขาไปฟูจิ 

ผลงาน Bishū Fujimigahara ของ Hokusai
ผลงาน Koishikawa yuki no ashita ของ Hokusai

ตำนานที่ยังอยู่ในปัจจุบัน

ในปี 1893 เขาได้พบกับ Maria Boursin หรือที่ใช้ชื่อในวงการศิลปะว่า Marthe de Méligny เธอกลายเป็นทั้งคู่ชีวิตและแรงบันดาลใจตลอดกว่า 40 ปี มาร์ธปรากฏอยู่ในภาพวาดมากกว่า 385 ชิ้น โดยเฉพาะในฉากภายในบ้าน เช่น The Bathroom (1925) และ Nude in the Bath and Small Dog (1941) ที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างศิลปินกับแบบผ่านแสงนุ่มๆ และอารมณ์เงียบงัน

Bonnard ใช้ชีวิตช่วงท้ายในเมือง Le Cannet ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และวาดภาพอยู่ทุกวันจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1947 แม้จะไม่ใช่ศิลปินเซเลปแบบ Picasso หรือ Matisse ในยุคของเขา แต่ผลงานของ Bonnard ได้รับการรื้อฟื้นและยกย่องอย่างสูงในเวลาต่อมาในนิทรรศการใหญ่ในยุคหลังๆเช่นที่ Tate Modern (1998), The Met (2009), และ Fondation Beyeler (2016) ซึ่งทำให้เขาได้รับการขนานามว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกศิลปะสมัยใหม่ของฝรั่งเศส

ผลงาน The Terrace, 1918

ยอดอัครศิลปินศิลปะ Fauvism อย่าง Henri Matisse เคยกล่าวถึง Pierre Bonnard ไว้ว่า 

“เขาคือศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ในวันนี้ และจะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าในวันพรุ่งนี้”

เรื่อง เต้ Art Man