Read in English / 阅读语言 English

Mango Art Festival ครั้งที่ 5 กลับมาแล้ว
Mango Art Festival 2025 เทศกาลศิลปะอันเป็นจุดนัดพบของศิลปิน นักสะสมและคนรักศิลปะ กลับมาอีกครั้งเป็นครั้งที่ 5 โดยปีนี้จัดระหว่างวันที่ 7-11 พฤษภาคม 2025 (จำนวนวันน้อยกว่าครั้งก่อนๆ 1 วัน) ที่ River City Bangkok โดยครั้งนี้มาในแนวคิด Connected World ที่นำผลงานของศิลปินมากกว่า 200 ชีวิต ในหลากหลายรูปแบบและสไตล์ มาร่วมกันอยู่ในงานเดียวกัน และแน่นอนว่า เต้ Art Man ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลและภาพผลงานศิลปินแบบจัดเต็ม มาฝากผู้อ่านทุกท่านเช่นเคย
พร้อมแล้วลุยไปกันเลย
โซนที่ 1 และ 2 Galleries Zone และ Independent Artists Zone

ทั้งสองโซนนี้จะเชื่อมต่อกันอยู่บนชั้นสองของ River City Bangkok โดยส่วนแรก Galleries Zone จะเป็นการนำเสนอผลงานแกลเลอรีทั้งจากไทยและต่างประเทศจำนวน 17 แห่ง ซึ่งเต้ Art Man ได้มีโอกาสไปพูดคุยเจาะลึกถึงกระแสศิลปะกับ Whitestone Gallery ที่มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ อันเป็นหนึ่งใน Highlight สำคัญของงานนี้ (ติดตามได้ในตอนท้าย)



สำหรับในส่วน Independent Artists Zone เปิดโอกาสให้ศิลปินอิสระกว่า 50 รายได้แสดงผลงานด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ชมจะได้พบปะพูดคุย ถามตอบทุกข้อสงสัยกับศิลปิน ซึ่งจากการเดินพูดคุยในหลายบูธ หลายท่านต่างเห็นตรงกันว่า การได้ออกงาน Mango Art Festival 2025 ครั้งนี้ช่วยให้พวกเขาได้รับมุมมองใหม่ๆ และ ข้อเสนอแนะที่มีคุณค่า เพื่อนำกลับไปพัฒนาการสร้างผลงานต่อไป











โซนที่ 3 โซนใหม่แกะกล่อง Art & Design Lane
เมื่อเดินพ้นออกมาจากทั้งสองโซน ก็จะพบกับโซนเปิดใหม่ล่าสุด Art & Design Lane แม้จะมีเพียง 7 บูธ ซึ่งในวันที่ผมไป ก็ต้องบอกว่าคึกคักและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมได้ดี โดยโซนนี้นำเสนอผลงานต่างๆ ได้แก่

- ผลงานของ ‘มะเดี่ยวศรีหลายยายปริก’ ธรรรักษ์ แสงสุวรรณ (มะเดี่ยว ขายหัวเราะ) ที่ตั้งคำถามถึงวัฏจักรและความซ้ำซากของชีวิต
- นิทรรศการ “Myanmar: The Years Before” โดย สมัชชา อภัยสุวรรณ ที่ถ่ายทอดชีวิตและจิตวิญญาณของชาวเมียนมาร์ในช่วงปี 2017–2019 ผ่านภาพถ่ายทรงพลัง โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายภาพถ่ายและโปสการ์ดจะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวและสงครามในเมียนมาร์
- ผลงานจิตรกรรมและสตรีทอาร์ตอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจาก ‘จ๊วต’ วรเศรษฐ์ นพอภิรักษ์กุล (Juat Artist)
- การนำเสนอพื้นที่วัฒนธรรมจาก บ้านศิลปินคลองบางหลวง (Artist House Bangkok) โดย ชุมพล อักพันธานนท์ โดยวันที่ผมไปเจอศิลปินมาวาดรูปให้กับผู้ที่อุดหนุนผลิตภัณฑ์ของบ้านศิลปินคลองบางหลวงด้วย
- นวัตกรรมสิ่งทอที่ผสมผสานศิลปะไทยร่วมสมัยจาก Takorn Textile Studio
- แฟชั่นดีไซน์ที่เชื่อมโยงผ้าทอพื้นถิ่นภาคใต้กับแนวร่วมสมัยโดยแบรนด์ YABULAN






โซนที่ 4 Newcomers

เมื่อเดินทั้ง 3 โซนนี้เสร็จแล้วก็ถึงเวลาลงไปชั้น 1 เพื่อไปชมงานของศิลปินหน้าใหม่ซึ่งมากันเกือบ 100 คน ซึ่งจากที่ผมได้ลงไปสอบถามศิลปินหลายท่านส่วนมากประสบการณ์ในวงการศิลปะนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1-3 ปีเป็นส่วนใหญ่ (แต่เกินกว่านั้นก็มีบ้างเหมือนกัน) และ ก็มีหลายท่านที่เพิ่งมาออกบูธเอาผลงานออกมาแสดงสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก






ข้อสังเกตเรื่องราคา การขาย และ การสะสม
จากทั้ง 4 โซน รวมแล้วมีผลงานให้เลือกชมมากกว่า 200 ศิลปิน ซึ่งผลงานมีหลายสไตล์ หลากรูปแบบแนวคิด มาให้เลือกชมกันอย่างจุใจ ถ้าคุณยังไม่มีไอเดียว่าจะนำผลงานศิลปะแบบไหนไปแต่งบ้าน หรือ หาแนวที่อยากจะสะสมไม่เจอ ผมเชื่อว่าการมาเดินที่ Mango Art Festival 2025 คุณจะได้ไอเดียกลับไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม อย่าไปทึกทักว่าผลงานของศิลปินหน้าใหม่นั้นราคาจะถูก หรือ ศิลปินมากประสบการณ์ราคาจะแพงเสมอไป จากที่สังเกตมาไม่ว่าจะโซนไหน ราคาสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
- กลุ่มแรก: ราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ซึ่งส่วนมากเป็นผลงานขนาดเล็กถือมือเดียวได้สบายๆ
- กลุ่มสอง: ราคา 1 หมื่น – 3 หมื่นบาท ซึ่งจะเป็นผลงานขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย
- กลุ่มสุดท้าย: ราคา 3 หมื่นบาทขึ้นไป โดยมากจะเป็นงานประติมากรรมขนาดใหญ่ หรือเป็นผลงานของศิลปินที่มีประสบการณ์และชื่อเสียงในวงการมานานพอสมควร
เท่าที่ดูภายในงาน จำนวนผลงานในกลุ่มแรกและกลุ่มสองมีมากกว่ากลุ่มที่สามอย่างชัดเจน ซึ่งถือว่าเหมาะมากสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นสะสมงานศิลปะ หรือผู้ที่ต้องการเก็บผลงานชิ้นแรก รวมถึงนักสะสมมากประสบการณ์ที่ต้องการสร้างความหลากหลายให้กับคอลเลกชันของตัวเอง
ที่น่าสนใจคือ ศิลปินหลายท่านเลือกใช้กลยุทธ์ “คละขนาด” ซึ่งหมายถึงการสร้างผลงานในหลากหลายขนาด เพื่อให้ผู้ชมสามารถเลือกซื้อได้ตามกำลังทรัพย์หรือพื้นที่ของตัวเอง โดยจากการสอบถามศิลปินหลายท่านพบว่ากลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลในบางกรณีเท่านั้น ถ้าจะมองในทางการตลาดแล้ว กลยุทธ์นี้เปรียบได้กับ “Product Strategy” หรือ กลยุทธ์ทางผลิตภัณฑ์ อารมณ์แบบ ขนมถุงเล็ก ถุงใหญ่ ที่ลูกค้าสามารถเลือกหยิบได้ตามความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า และ สถานการณ์ อย่างเช่นเวลาดูบอล หรือ เฉลิมฉลองเทศกาลกับเพื่อนก็ต้องขนมถุงใหญ่พิเศษ Party Size อะไรก็ว่าไป อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าถ้าอยากจะนำกลยุทธ์นี้ไปปรับใช้จริงๆ ควรเน้นไปที่การทดลองค้นหาปรับขนาดให้เหมาะสมกับเอกลักษณ์ของผลงานและลายเซ็นของศิลปินแต่ละคนมากกว่าการจะเน้นทำราคาแต่เพียงอย่างเดียว
Whitestone Gallery กับ มุมมองศิลปะไทย และการเปิดตลาดศิลปะสู่เวทีโลก

เพื่อให้เห็นภาพของตลาดซื้อขายงานศิลปะให้ชัดเจนขึ้น เราไปฟังเสียงสะท้อนจากผู้เล่นระดับนานาชาติอย่าง Whitestone Gallery ที่มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ และมีประสบการณ์เข้าร่วม Art Fair ทั่วโลกมาอย่างโชกโชน เต้ Art Man ได้พูดคุยกับ Priscilla Quek ผู้จัดการของ Whitestone Gallery Singapore ถึงเรื่องราวต่างๆในวงการศิลปะและอะไรขายดี อะไรขายได้ใน Mango Art Festival 2025 ครั้งนี้ ซึ่งมีมุมมองที่น่าสนใจมากๆครับ โดยปีนี้ทาง Whitestone นำเสนอผลงานจากศิลปินทั้งหมด 6 คน ได้แก่ Clasutta (อินโดนีเซีย), Deborah Mckellar (สิงคโปร์), Kohei Kyomori (ญี่ปุ่น), Osamu Watanabe (ญี่ปุ่น), Philip Colbert(อังกฤษ), Tatsuya Nishimura (ญี่ปุ่น) และ Tusita Manganali (อินโดนีเซีย)
เต้ Art Man: ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ (งานใกล้จะจบในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว) รู้สึกอย่างไรบ้างที่มาร่วม Mango Art Festival 2025 ปีนี้?
Priscilla: ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของ Whitestone ที่มาร่วมงาน Mango Art Festival แต่เป็นครั้งแรกสำหรับฉัน โดยปีนี้เรามากับทีมใหม่ การได้มาร่วมงานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เราได้นำเสนอผลงานจากแกลเลอรีของเราได้มากขึ้น พร้อมทั้งเปิดมุมมองใหม่ๆจากการได้พบปะพูดคุยกับศิลปินไทยหลายคน รวมถึงได้เห็นผลงานศิลปะจากศิลปินไทยที่ไม่ได้พบเจอในตลาดศิลปะของสิงคโปร์ และ เรายังได้พบกับผู้ชมจำนวนมากที่ไม่เคยเห็นงานศิลปะจากญี่ปุ่นมาก่อน ทำให้เรามีโอกาสแนะนำรูปแบบผลงานต่างๆ รวมถึงแนะนำผลงานที่เรามีอยู่
เต้ Art Man: ผลงานที่นำมาแสดงครั้งนี้ มีหลักการเลือกอย่างไรบ้าง?
Priscilla: เราเลือกผลงานที่สื่อถึงวัฒนธรรมและมีความสนุกผสมอยู่ในตัวด้วย จะเห็นว่ามีบางชิ้นที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ เช่น มังกร เสือ ปลา หรืออย่างกุ้งล็อบสเตอร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ฉันอยากให้ผู้ชมเข้าใจถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แท้จริงของศิลปิน เพราะศิลปินบางคนก็มาจากประเทศอื่นและย้ายมาทำงานในเอเชีย

เต้ Art Man: ลูกค้าที่เจอส่วนใหญ่เป็นคนไทย หรือมีชาติอื่นด้วย?
Priscilla: เราได้พบกับผู้ซื้อจากหลากหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงชาวไทย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ และได้พบเจอคนรุ่นใหม่มากมาย ทั้ง นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่สนใจงานศิลปะ รวมถึงศิลปินเอง และฉันรู้สึกว่าคนไทยใจดีมากๆ(ยิ้ม หัวเราะ)
เต้ Art Man: ขอบคุณมากครับ (หัวเราะ) แล้วงานที่ขายดีที่สุดของ Whitestone คือ?
Priscilla: งานที่ขายได้ราคาสูงที่สุดคือผลงานของ Kyomori ส่วนผลงานของ Clasutta และ Tusita ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน ตามมาด้วยผลงานของ Deborah แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงจำนวนชิ้นงานที่เรานำมาแสดงด้วย ไม่ใช่แค่จำนวนที่ขายออกไปเพียงอย่างเดียว ถ้าให้พูดถึงความโดดเด่นและผลตอบรับโดยรวม ต้องยกให้ผลงานของ Kyomori ว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด(ในการขาย)ของบูธเรา

เต้ Art Man: ที่เห็นในงานนี้ คิดอย่างไรกับนักสะสมและศิลปินไทย?
Priscilla: จากที่ฉันเดินดูรอบงานรอบมาแล้วหนึ่งรอบ ฉันคิดว่าผู้ซื้อที่นี่ส่วนใหญ่มักชอบงานที่ดูน่ารัก หรืออะไรที่มีดวงตาโต ๆ แนวแบบนั้น ซึ่งฉันก็เห็นโพสต์ในอินสตาแกรมของศิลปินรุ่นใหม่หลายคนที่บอกว่างานขายหมดเกลี้ยงเลย จริงๆความนิยมลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นในอินโดนีเซียเช่นกัน แต่… (คิดสักพัก) ฉันว่าก็ไม่มากเท่าที่เห็นในประเทศไทยนะ ฉันเองรู้สึกชื่นชมวัฒนธรรมแบบนี้มาก และคิดว่าที่นี่มีเสน่ห์เฉพาะบางอย่างที่ Whitestone เองอาจไม่มีด้วยซ้ำ และได้เห็นด้วยว่าศิลปินรุ่นใหม่หลายคนในไทยสามารถสร้างผลงานและจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเองอย่างน่าประทับใจจริงๆ
เต้ Art Man: มีโอกาสจะเปิด Whitestone Bangkok ไหม?
Priscilla : ฮืมมมม เราเองก็ดูๆอยู่ แต่ว่าตอนนี้ทาง Whitestone กำลังพัฒนาโปรเจค Whitestone Dubai ซึ่งมันอาจจะดูพัฒนาช้าไปสักหน่อย แต่เราเองก็กำลังจับตาทุกสิ่งทุกอย่างอย่างใกล้ชิดว่ามันจะเป็นไปในทิศทางไหน อย่างไร

ต้องบอกว่าจากการลงพื้นที่ผมเองก็เห็นด้วยกับ Priscilla ในเรื่องของผลงานที่ขายดีในงานนี้มักจะเป็นผลงานแนวน่ารักๆ และมีแรงบันดาลใจจากสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะ หมา แมว
ปิดท้ายด้วยบรรยากาศของนิทรรศการพิเศษและโซน Craft Market
นอกจากโซนทั้งหมดที่กล่าวไปแล้ว งานนี้ยังมีตลาดงาน Craft Market และ นิทรรศการศิลปะ ที่นำเสนอผลงานของโดย ปิยะ เจริญเมือง ในนิทรรศการ “Ephemeral Echoes” โดย ภัณฑารักษ์ เซน ศุภชา เสน่ห์งามเจริญและ นิทรรศการ THE “SCULPTOR’S ROOM” โดย Vayupad (วายุพัด รัตนเพชร) และ “escapeeeeeeee” โดย Laliryn and Lazy Man และ โดย ภัณฑารักษ์ วิชชาพร ต่างกลาง (ซึ่งได้ทำการแสดงร่วมกับ bybambam ด้วย) และ นอกจากนี้ยังกิจกรรมเสวนา แสดงดนตรี และ อื่นๆ ที่มาสร้างสาระและความสนุกไปพร้อมกันอันเป็นเอกลักษณ์ของงาน Mango Art Festival




ก้าวต่อไปกับ Mango Art Festival 2026
นับว่าเป็นอีกงานเทศกาลศิลปะที่ยังคงความเป็น Art Fair ผสมกับความสนุกสนานได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย การมีผลงานให้เลือกมากมายในที่เดียวกันนั้นถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของงานลักษณะนี้ สำหรับกำหนดการในปีหน้าจากการสอบถามพ่องานนี้ สุชาย พรศิริกุล ได้บอกกับผมว่า Mango Art Festival ครั้งที่ 6 มาแน่นอน รอติดตามกำหนดการแบบ เป๊ะๆว่าวันไหน อย่างไรได้ในช่วงราวๆเดือนหน้า
พี่น้องศิลปิน นักสะสม และผู้สนใจงานศิลปะเตรียมตัวกันให้พร้อม มะม่วงผลที่ 6 กำลังเตรียมเสิร์ฟแล้ว
รู้หรือไม่? Mango Art Festival จัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 – 6 พฤษภาคม 2521 ที่ ล้ง1919 จากนั้นถึงค่อยมาจัดที่ Rivercity ในครั้งที่สองเป็นต้นมาจนถึงครั้งนี้ ไปชมภาพแห่งความประทับใจของ Mango Art Festival ครั้งที่ 1 ฉบับปฐมฤกษ์ได้ที่ Facebook เต้ Art Man
ชมภาพบรรยากาศในงาน Mango Art Festival 2025 กันต่อได้เลย

เรื่องและภาพ: เต้ Art Man