Yakishime ยากิชิเมะ: ภาชนะดั้งเดิมถึงศิลปะร่วมสมัย

Read in English / 阅读语言 English 简体中文

ยากิชิเมะ
ผลงาน “ชูคุเอ็นจิมะ-เกาะเพลิงศักดิ์สิทธิ์”, 2015 ของ โทคุมารุ เคียวโกะ

“Yakishime ยากิชิเมะ: ปั้นดิน เปลี่ยนโลกนิทรรศการที่จะพาเราไปรู้จักกับศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นในแง่มุมต่างๆ ผ่านยากิชิเมะเครื่องปั้นดินเผาดั้งเดิมที่เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากประมาณ 800 กว่าปีที่แล้ว โดยใช้เทคนิคการทำแบบปราศจากการเคลือบ แต่แทนด้วยการเผาแบบอุณหภูมิสูงประมาณ 1200 – 1300 องศา เพื่อให้ดินเหนียวจับตัวกันจนแน่นจนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่ายากิชิเมรุหรือ ทำให้เป็นแก้วนั่นเอง

นิทรรศการนี้นำเสนอผลงานเครื่องปั้นดินเผามากกว่า 90 รายการ จากต่างยุคต่างสมัย ทำให้เห็นขนบแนวคิดวิวัฒนาการของศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแบบยากิชิเมะที่สะท้อนถึงศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นในแง่มุมต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยนิทรรศการแบ่งการนำเสนอออกเป็น 3 ส่วน ตามลำดับเวลาตั้งแต่ยุคแรกสุดไปจนถึงผลงานร่วมสมัย เพื่อที่ผู้ชมจะได้ร่วมเดินทางค้นหาเสน่ห์แห่งผลงานในแต่ละช่วงยุคสมัยได้อย่างชัดเจน

บทนำ: ปฐมบทแห่งยากิชิเมะ

ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงทั้ง 3 นิทรรศการนี้นำเสนอภาพผลงานเครื่องปั้นดินเผายากิชิเมะตั้งแต่ยุคแรกเริ่มในศตวรรษที่ 5  ไปจนถึงสมัย เอโดะ (ศตวรรษที่ 18) พร้อมกับวิดิโอสาธิตการสร้างยากิชิเมะ นอกจากนี้ยังมีผลงานแจกกันปากกว้างซึ้งเป็นเครื่องปั้นดินเผาสุเอกิในสมัยเฮอัน (794-1185) ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นต้นกำเนิดของยากิชิเมะมาให้ชมกันอีกด้วย

ยากิชิเมะ
ซ้าย(ใบเล็ก) แจกันปากกว้างสมัยเอฮัน, ขวา แจกันแบบบิเซ็นสมัยโมโมยามะ
บรรยากาศในนิทรรศการมี VDO แสดงขั้นตอนการทำยากิชิเมะให้ชม

ส่วนที่ 1 : ยากิชิเมะในฐานะเครื่องถ้วยชา:

พอมาถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 12 การผลิตยากิชิเมะก็ได้เริ่มต้นขึ้นที่เมืองต่างๆ ทั้ง บิเซ็น จังหวัด โอคายามา, โทโคนาเมะ จังหวัด ไอจิ , ชิการาคิ จังหวัด ชิงะ รวมไปถึงศูนย์กลางแหล่งเครื่องปั้นดินเผาต่างๆในญี่ปุ่น 

ด้วยความนิยมที่มากขึ้น ทำให้ ยากิชิเมะ กลายเป็นภาชนะเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีทั่วทุกบ้าน จนกระทั้งพิธีชงชากำเนิดขึ้นในสมัยมุโรมาจิ (1392-1573) นักดื่มชาผู้แสวงหาแก่นแท้ในธรรมชาติ ผ่านวิถีแห่งความ วาบิ ซาบิ (อธิบายได้สั้นๆคือการเข้าถึงความสวยงามของธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ สัมผัสความงามตามแก่นแท้ที่เป็นตัวตนของสิ่งนั้นๆ) ทำให้ผู้คนต่างหลงใหลในเอกลักษณ์อันเป็นธรรมชาติและผิวสัมผัสของภาชนะที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบของยากิชิเมะ 

แจกัน “คาวาโคมากิ ชิเมะ”, 1993 ของ คาโต สึบุสะ และ ไหน้ำสองหูหิ้ว,แบบบิเซ็น, 1955 ของ คาเนชิเกะ โทโย

พอมาถึงยุคสมัยโมโมยามะ (1568-1615) ยากิชิเมะได้ถูกยกระดับให้เป็นถ้วยชาในพิธีชงชา แม้กระทั้ง เซ็น ริคิว ผู้ที่ถูกขนานนามว่าบิดาแห่งพิธีชงชา และ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ยอดไดเมียวที่รวบรวมแผนดินญี่ปุ่นได้สำเร็จต่างก็ชื่นชอบในความงามของยากิชิเมะ จึงทำให้สมัยนั้นภาชนะแบบยากิชิเมะจึงได้ถูกผลิตออกมามากขึ้นจากการสนับสนุนของผู้นำทางวัฒนธรรม(การชงชา) และการปกครอง

ถ้วยชาแบบบิเซ็น,2014 ของ คาคุเรซากิ ริวอิจิ

ในนิทรรศการส่วนนี้ได้จัดแสดงเครื่องถ้วยชา พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้เห็นภาพห้องชงชาแบบดั้งเดิม ควบคู่ไปการจัดแสดงผลงานยากิชิเมะที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำเครื่องถ้วยชาตั้งแต่สมัยโมโมยามะและเครื่องถ้วยชาที่ทำโดยศิลปินร่วมสมัย

ยากิชิเมะ
ยากิชิเมะในบรรยากาศการการชงชาแบบดั้งเดิม

ส่วนที่ 2: วาโชกุและยากิชิเมะ

วาโชกุ หรือ อาหารแบบญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดย UNESCO ในเดือนธันวาคม 2013  ซึ่งในนิทรรศการได้ระบุบถ้อยแถลงของ UNESCO ที่ประเมินวาโชกุไว้ว่าอีกหนึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของวาโชกุคือการคำนึงถึงความงดงามของธรรมชาติและฤดูกาลที่ผันเปลี่ยนไปซึ่งจะเผยให้เห็นบนโต๊ะอาหาร

ภาพของอาหารวาโชกุที่จัดแสดงในนิทรรศการ

ซึ่งแน่นอนว่าการใช้ภาชนะที่สะท้อนถึงฤดุกาลที่เปลี่ยนไปย่อมเป็นส่วนสำคัญที่เป็นมากกว่าภาชนะเสริฟ์อาหาร นิทรรศการส่วนนี้นำเสนอยากิชิเมะในฐานะภาชนะอาหารที่เป็นรากฐานสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งวัฒนธรรมอาหารวาโชกุ

ยากิชิเมะที่สามารถนำมาเสริฟ์ วาโชกุ ลองนึกภาพว่าถ้ามีอาหารอยู่บนภาชนะเหล่านี้ จะน่าทานและสวยงามขนาดไหนนะ
ภาชนะถ้วยชามต่างๆสำหรับใส่อาหารและเครื่องดื่ม
บรรยากาศในนิทรรศการ ยากิชิเมะ ปั้นดิน เปลี่ยนโลก

ส่วนที่ 3: ยากิชิเมะในฐานะศิลปวัตถุ

กระถางธูป “ริ้ว อิชเชอิ” , แบบบิเซ็น, 2014 ของ ชิมามุระ ฮิคารุ

ในโลกแห่งศิลปะเมื่อสื่อ วัตถุ และ แนวคิดต่างๆ ได้ผ่านสร้างขึ้นมาเพื่ออรรถประโยชน์การใช้สอย (Functional) ณ จุดหนึ่งมันจะกลายเป็นการสร้างเพื่อเป็นงานศิลปะเพื่อศิลปะ ซึ่งยากิชิเมะก็เช่นกัน มันกำลังมุ่งหน้าก้าวสู่ทิศทางใหม่ในฐานะศิลปวัตถุ(Objets d’art) ที่เป็นอิสระจากข้อจำกัดทางด้านการใช้งานและในขณะเดียวกันยังคงพัฒนาในฐานะภาชนะที่ใช้ในชีวิตประจำวันและเครื่องถ้วยชาอันเป็นจุดเนิดและเอกลักษณ์ในตัวตนที่สำคัญของยากิชิเมะ

ผลงาน “แก่น”, 2006 ของ ทานากะ โทโมมิ

นิทรรศการในส่วนนี้นำเสนอผลงานของกลุ่มศิลปินที่พัฒนาแนวคิดการสร้างงานยากิชิเมะในรูปแบบผลงานศิลปะซึ่งเป็นแนวคิดที่พัฒนาขึ้นมาไม่นานนี้ โดยผลงานส่วนมากจะทำขึ้นในราวๆปี 2014-2015 มีชิ้นงานหลายรูปแบบ หลายขนาด ซึ่งแต่ละชิ้นยังคงเอกลักษณ์ของพื้นผิวที่ปราศจากการเคลือบทำให้ลวดลายเส้นลายต่างๆที่ศิลปินได้รังสรรค์เป็นเนื้อแท้ของผลงานที่ดูดิบด้าน เปลือยเปล่า ไม่มีอะไรขวางกั้นกับสายตาของผู้เสพย์งานศิลปะ

ทั้งสองขิ้นคือ ผลงานชามเคลือบโยเฮ็น,แบบชิการาคิ โดย สึจิ เชอิเมอิ (ไม่ปรากฏปีที่สร้าง)
ผลงาน “หยาด” ของ อิเอซากิ โคอิจิโร่

นิทรรศการ Yakishime ยากิชิเมะ: ปั้นดิน เปลี่ยนโลก” การเข้าชม

Yakishime ยากิชิเมะ: ปั้นดิน เปลี่ยนโลกเป็นนิทรรศการสัญจรของเจแปนฟาวน์เดชั่น (Japan Foundation) ซึ่งเดินทางจัดไปทั่วโลก โดยวันนี้เดินทางมาถึงที่ประเทศไทยแล้ว เข้าชมฟรี การจัดงานแบ่งออกเป็นสองช่วง

  • ช่วงแรกที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ – 26 กันยายน 2566 เวลา 10.00 – 19.00 . ห้องนิทรรศการ 5 ชั้น 2 หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน (ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
  • ช่วงสองที่ขอนแก่น ณ หอศิลป์คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระหว่างวันที่ 7 ตุลาคม – 26 พฤศจิกายน 256 เวลา 10.00 – 17.00 . (ปิดทุกวันจันทร์)
ผลงาน “นากาเระ โนะ อะโตะ” (รอยประทับแห่งกระแส), 2014 ของ อัตโตริ มากิโกะ

สำหรับใครไปแล้วแนะนำให้แวะไปกินกาแฟ ร้านโกลเด้น คอฟฟี่ ที่อยู่ในนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ (อาคารตรงข้าม) อร่อยดี

ขอบคุณที่ติดตามรับชม คุณอาจจะสนใจเรื่อง ศิลปะค้นหาธรรมชาติของชีวิต

เรื่อง เต้ Art Man

ภาพ เต้ Art Man / Tooh Athit